2/5/65

ภาวะตาขี้เกียจ!!!!???

 

สวัสดีค่าทุกคน มีใครรู้จักภาวะตาขี้เกียจ (Lazy eyes) บ้างมั๊ยคะ

พิมพ์เคยตรวจสายตาที่โรงเรียน สมัยก่อนนู้นนนเลย

แล้วพี่คนที่ตรวจเนี่ย เค้าก็บอกว่าเราตาขี้เกียจข้างนึงนะ เอียงเยอะด้วย

ทุกวันนี้เหมือนใช้ตาได้ข้างเดียว ที่มองเห็นโดยไม่ต้องใส่แว่นก็ต้องขอบคุณตาข้างขวา

ทีนี้ก็จัดการตัดแว่นเสร็จสรรพ แต่ใส่แปปเดียวก็ถอดออก

ตอนนั้นตัดที่ตั้งเกือบหมื่นเลยค่ะ TT ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

จำได้ลางๆว่าเอียงประมาณ 300 ได้ .. 


จนเรื่องราวการเป็นตาขี้เกียจนี้ก็หายไปจากสารระบบของดิชั้นนานหลายปี


แต่แล้วดิชั้นก็รู้สึกว่าประสิทธิภาพการมองเห็นของเรามันลดลง!!!!

แย่แล้ว สายตาแย่ลงแน่ๆ แล้วจ้องคอมนานไม่ไหว

ทำงานแปปเดียวก็ต้องพักสายตา (ไหนจะชอบเผือกดราม่าโต้รุ่งอีก)

ก็เลยคิดว่า เอาวะ เข้าไปปรึกษาร้านแว่นดีกว่า จะได้รู้ไปเลยว่ามันแย่ลงจริงหรือคิดไปเอง


ร้านที่พิมพ์เลือกเข้าไปปรึกษาในวันนี้คือ “MS Optic” แถวๆท่าน้ำนนท์ค่ะ

ที่เลือกร้านนี้เพราะมีธุระแถวนั้นพอดี แล้วก็เห็นราคาที่เคลมหน้าร้านค่อนข้างเริ่ดค่ะ



ร้านอยู่กงนี้นะออเจ้า สีเหลืองกรุบๆ แต่งร้านน่ารัก สไตล์มินิมอลมูจิกรุบๆ



ก็คือถูกกว่าที่เคยตัดมาตั้ง 90% งงมาก



แบรนด์แรกที่เห็นสะดุดตาเลยก็คือ Bolon ค่ะ อี่นายกาสะลองโดดเด่นมากกกก

แอบไปจับๆแตะๆดู แว่นคือมีสกุลรุนชาติมาก เค้าดูเข้ากับทุกโครงหน้า

หน้ากลมเป็นซาลาเปาอย่างดิชั้นใส่แล้วยังดูสวยหรู



คือเห็นแล้วก็ขอลองซักหน่อย ความซนนี้อะเนอะ ค่าสายตงสายตายังไม่ได้วัดเลย 55555



แว่นทรงดีมากกสวยมาก เก๋แบบกรุบ พิมพ์ชอบทรงนี้มากๆ ใส่แล้วดูมีคลาส

ตอนหยิบแว่นพี่ที่ร้านบอกว่ามีโปร 1 แถม 1 ก็เลยหยิบมาลองสองอันเลย

แล้วพี่เค้าก็บอกว่า เป็นโปรซื้อแว่นแถมเลนส์จ้าวว แอบหน้าแตกเล็กน้อยแต่ต้องคีป 55555



มีหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกมากกกกก ชอบแบบไหนทรงไหนจัดไปเลยค่ะซิส



ตู้ข้างๆเป็นของ New Balance นึกว่าเค้าทำแค่รองเท้าซะอีก แต่ไม่ใช่เลย เค้ามีแว่นด้วย



แล้วพรีเซนเตอร์คือนนท์ ธนนท์!!! หยิบมาลองใส่ซักหนึ่งกรุบบบ



น่ารักเนอะ ดูแบบเข้ากับหน้าเลยอะ จนพี่พนักงานถามว่าคุณลูกค้าค่าสายตาเท่าไหร่

เหมือนมีคนมาดีดนิ้ว ปิ๊งงงง สติมา ยังไม่ได้วัดเลย!!!!



เริ่มวัดสายตาด้วยเครื่องกันก่อนเลยค่ะ มองเข้าไปในเลนส์ก็เห็นเป็นรูปบ้าน ชัดบ้างเบลอบ้าง

แล้วเครื่องก็จะทำการประเมินค่าสายตาของเราออกมาค่ะ



พี่เค้าบอกว่าพิมพ์สายตาเอียงตั้ง 500 เยอะมากก ไม่เห็นภาพซ้อนหรอ

พิมพ์เลยปรึกษาค่ะ ว่าจะสามารถแก้ไขอะไรยังไงได้บ้าง



ทีนี้พี่เค้าเลยให้ลองใส่แว่นแบบนี้ค่ะ แล้วก็มองตัวเลข เหมือนที่ร้านแว่นเค้าทำกันเลย

แต่ที่นี่ไฮโซนิดนึง มองกับจอ LCD เลย ไม่ได้มองแผ่นที่แปะไว้เหมือนสมัยก่อน



แล้วก็จะมีเจ้าเครื่องแบบนี้มาปั่นๆดูว่าเรามองที่ค่าสายตาเท่าไหร่แล้วชัด เราตอบสนองกับแบบไหน

สายตาเราเอิยงเท่าไหร่ที่เป็นค่าจริงๆ ตัวนี้บอกได้เลย มีมองเส้น มองตัวเลขใดๆ เราก็ตอบตามที่เราเห็นเลยค่ะ



พอเราทราบค่าสายตาแล้ว เราก็ออกมาวัดโฟกัสตาค่ะ ตรงนี้จะตอบเราได้เลยว่าที่เราถ่ายรูปต่างๆออกมา

แล้วเหมือนตาไม่เท่ากัน ตาเข ตาห่าง มันห่างจริงหรือคิดไปเอง



สรุปคือตาเข ห่างตั้ง 3mm โอ๊ยยยย ต้องเป็นเพราะนอนตะแคงเล่นมือถือในที่มืดบ่อยแน่ๆ TT

พี่ที่ร้านบอกว่าเราทำให้มันน้อยลงไม่ได้ แต่เราทำให้มันไม่มากขึ้นไปได้ ถนอมตาดีๆก็อยู่คู่เราไปได้อีกนานค่ะ แล้วภาวะตาขี้เกียจจะรักษาหายได้สนิทก่อนอายุครบ7 ขวบเท่านั้น แก่กว่านี้หมดสิทธิ์ค่า นอกจากรักษาด้วยการเลสิคและใส่แว่นปรับสายตาให้มองเห็นชัดมากยิ่งขึ้นค่ะ จะบอกว่าสำคัญมากๆเลยนะ เพราะเวลาขับรถตอนกลางคืนเนี่ย เราต้องกะระยะรถสวน ถ้าไม่ใส่แว่นล่ะแย่แน่



ทีนี้ก็ออกมาเลือกแว่นเลือกเลนส์ต่อค่ะ โดยที่เลนส์จะมีสองแบบ คือแบบเห็นชัด ไม่มี distortion 

คือด้านซ้ายเราจะไม่เห็นความเอียง มน โค้ง ซึ่งตรงกันข้ามกับด้านขวาค่ะ



เลนส์มีหลากหลายสีมากๆเลยนะ มีทั้งเลนส์ธรรมดา เลนส์กรองแสง เลนส์มัลติโค้ท เลนส์เปลี่ยนสี เลนส์ออโต้ สีก็มีเยอะแยะเลย



นี่แอบมองเห็นเลนส์ย้อมสีสีพาสเทล น่ารักมากกกก ชอบมากกกกกก น่าใส่มากๆๆๆ



อันนี้เป็นการทดสอบเลนส์ทั้ง 3 แบบค่ะ การตอบสนองความไวต่อแสงยูวี เทส 30 วิรู้เรื่องเลย



เรทราคาตามนี้เลยนะคะ ต้องให้พี่พนักงานแนะนำ ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าคุ้ม

เหมือนโดนมนต์สะกด แนะนำเก่งมากก ขายเก่งสุดๆ



สรุปการไปร้านแว่นครั้งนี้ก็ทำให้เรารู้แจ้งสว่างกระจ่างใจมลแล้วว่า

“เราตาขี้เกียจ” และ “ตาเข” จริงๆ TT

ขั้นตอนต่อไปก็ต้องใส่แว่น รักษาดวงตาให้มากขึ้นกว่าเดิม

ใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับดวงตาก็สามารถเข้ามาที่ร้านให้พี่เค้าแนะนำได้นะคะ ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้าค่า บ๊ายบายย ♥

This entry was posted in